มาทำความรู้จักกับ iPhone 6s/6s Plus, AppleTV, iPad Pro/mini

มาทำความรู้จักกับ iPhone 6s/6s Plus, AppleTV, iPad Pro/mini

หมวดหมู่: บทความทั่วไปiOSข่าวไอที

10 สิ่งที่คุณอาจยังไม่รู้เกี่ยวกับ iPhone 6s/6s Plus, AppleTV, iPad Pro/mini 4
ภายในงาน Hey Siri นั้นแอปเปิลได้เปิดตัวอุปกรณ์ใหม่ ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น iPhone 6s, iPhone 6s Plus, AppleTV, iPad Pro และ iPad mini 4 ซึ่งก็ได้รับความสนใจจากสาวกแอปเปิลและคนทั่วไปค่อนข้างมาก และวันนี้ทางเว็บไซต์ 9to5mac ก็มีข้อมูลเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่หลายคนอยากรู้แต่อาจจะยังไม่รู้มาฝากกัน จะมีอะไรบ้างนั้นมาดูพร้อม ๆ กันเลย

1. รองรับ Bluetooth 4.2
อุปกรณ์ใหม่ทุกชิ้น (ยกเว้น Apple TV) จะรองรับ Bluetooth 4.2 ซึ่งเป็นตัวเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดของระบบ Bluetooth ปรับปรุงระบบความปลอดภัยและความเป็นส่วน ส่งข้อมูลได้เร็วขึ้น 2.5 เท่า ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นในยุค Internet of Things จึงไม่น่าแปลกใจที่ iPhone, iPad และ iPod touch ที่เปิดตัวในปีนี้จะรองรับ Bluetooth 4.2 กันทั้งหมด แต่ก็น่าเสียดายที่ Apple TV รุ่นใหม่ยังคงรองรับแค่ Bluetooth 4.0 เท่านั้น

2. iPhone 6s/6s Plus หนักกว่าเดิม
iPhone 6s และ iPhone 6s Plus จะมีน้ำหนักที่มากกว่ารุ่นก่อนหน้าเล็กน้อย (ประมาณ 15-20 กรัม) รวมทั้งขนาดเครื่องที่ใหญ่ขึ้นประมาณ 0.1-0.2 มม. แต่ในการใช้งานจริงอาจไม่ค่อยรู้สึกแตกต่างสักเท่าไร ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากการเพิ่มระบบ 3D Touch เข้าไป

3. ที่มาของภาพ Wallpaper iPhone 6s
รูปภาพ Wallpaper ที่อยู่บนหน้าจอของ iPhone 6s ในงานเปิดตัวนั้นคือภาพของปลากัดฮาล์ฟมูนที่ทีมงานแอปเปิลได้เดินทางมาถ่ายภาพถึงประเทศไทยเลยทีเดียว

4. เกี่ยวกับกล้องของ iPhone 6s
iPhone 6s มาพร้อมกับกล้องที่ประสิทธิภาพดีกว่ารุ่นก่อนหน้า ไม่ว่าจะเป็นกล้องหลังที่ถ่ายภาพได้ความละเอียดสูงสุด 12 ล้านพิกเซล รองรับการถ่ายภาพพาโนรามาความละเอียดสูงสุด 63 ล้านพิกเซล (จากเดิม 43 ล้านพิกเซล) และกล้องหน้าที่เพิ่มจาก 1.2 ล้านพิกเซลเป็น 5 ล้านพิกเซล ช่วยให้ถ่ายเซลฟี่ได้ดีขึ้น แต่น่าเสียดายที่ฟีเจอร์ป้องกันภาพถ่ายสั่นไหวกลับมีเฉพาะใน iPhone 6s Plus เท่านั้น นอกจากนี้ iPhone 6s ยังสามารถถ่ายวิดีโอ 4K ได้ และมาพร้อมฟีเจอร์ Playback Zoom สามารถซูมดูวิดีโอที่ถ่ายมาแบบเฉพาะจุดได้

5. iPhone 6s เครื่องเดียวยังรองรับเครือข่ายได้ไม่ทั่วโลก
iPhone 6s และ iPhone 6s Plus แต่ละรุ่นจะรองรับสัญญาณ LTE ได้แทบทุกประเทศในโลก แต่อย่างในสหรัฐอเมริกานั้นจะต้องทำแยกออกเป็น 2 รุ่น คือรุ่น CDMA EV-DO Rev ที่รองรับสัญญาณ CDMA ของเครือข่ายอย่าง Verizon และรุ่นที่รองรับ LTE Band 30 สำหรับเครือข่าย AT&T แต่สำหรับ iPad mini 4 และ iPad Pro จะมีเฉพาะรุ่น CDMA Rev. A และ B เท่านั้น แต่ไม่มีรุ่น LTE Band 30

6. ประสิทธิภาพของ iPad mini 4
iPad mini 4 มีตัวเครื่องที่บางและเบากว่าเดิม พร้อมทั้งหน้าจอที่ดีกว่าเดิม แสดงสีสันได้สวยสดและแม่นยำ คอนทราสต์ดีขึ้น ภาพคมชัด เช่นเดียวกับ iPad Air 2 แต่สเปคอื่น ๆ ก็ยังไม่เทียบเท่า iPad Air 2 อย่างชิปก็ใช้ A8 แทนที่จะเป็น A8X รวมทั้งแบตเตอรี่ที่มีความจุน้อยกว่ารุ่นก่อนหน้าอยู่ 20% แต่ก็ยังดีที่กล้องของ iPad mini 4 นั้นมีประสิทธิภาพเทียบเท่า iPad Air 2

7. iPad Pro ใช้ที่ชาร์จของรุ่นได้
iPad Pro สามารถใช้ที่ชาร์จร่วมกับ Adapter ของ iPad รุ่นอื่น ๆ ได้ แต่แบตเตอรี่ของ iPad Pro นั้นมีความจุน้อยกว่าของ iPad 3 และ iPad 4 ประมาณ 10% โดยที่ชาร์จของ iPad 4 นั้นมีกำลังไฟ 12 วัตต์ และใช้เวลาชาร์จประมาณ 5 ชั่วโมง ซึ่งคาดว่าถ้านำมาใช้กับ iPad Pro น่าจะใช้เวลาชาร์จต่ำกว่า 5 ชั่วโมงอยู่เล็กน้อย

8. เกี่ยวกับ Smart Keyboard ของ iPad Pro
Smart Keyboard ของ iPad Pro นั้นมีดีไซน์คล้ายกับ Fabric Skin Keyboard Folio ที่ Logitech ได้ผลิตออกมาสำหรับใช้งานกับ iPad Air ก่อนหน้านี้ โดย Smart Keyboard สามารถเชื่อมต่อหรือถอดออกได้ที่ Smart Connector ซึ่งอยู่บริเวณขอบของตัวเครื่อง iPad Pro แต่ดีไซน์ขณะพับเก็บนั้นยังดูดีไม่เท่าของ Logitech นอกจากนี้ดูเหมือนว่า Smart Connector อาจถูกออกแบบมาเพื่อใช้กับ Dock ชาร์จแบตเตอรี่ของ iPad Pro ในอนาคตก็เป็นได้ ส่วนคีย์บอร์ดอาจเปลี่ยนไปใช้การเชื่อมต่อแบบ Bluetooth แทน

9. เกี่ยวกับ Apple TV รุ่นใหม่
Apple TV รุ่นใหม่เป็น Apple TV เจนที่ 4 มีความหนาและน้ำหนักมากกว่าเดิมประมาณ 50% คาดว่าน่าจะมาจากการทำให้รองรับ Wi-Fi 802.11ac พร้อม MIMO เพราะต้องใช้ตัวรับสัญญาณขนาดใหญ่ขึ้น รองรับ Dolby Digital 7.1, HDMI 1.4 และ USB-C มาพร้อมแรม 2GB ซึ่งคาดว่าน่าจะสามารถรันเกมที่พัฒนาสำหรับ iPhone 6 Plus ได้ แต่ไม่มีช่อง Optical Audio แล้ว รองรับแค่ Bluetooth 5.0 และยังไม่มีการยืนยันว่าจะรองรับการสตรีมเพลงจาก iTunes Music โดยไม่ต้องผ่าน Apple Music หรือไม่ ส่วนความจุ 32/64GB นั้นจะมีเพียงพอต่อการใช้งานหรือไม่ คงต้องรอดูกันต่อไป

10. Apple TV จะใช้ Siri Remote และจอยเล่นเกมได้
Siri Remote สำหรับใช้งานกับ Apple TV รุ่นใหม่จะมีช่อง Lightning port สามารถชาร์จแบตเตอรี่ ซึ่งสามารถใช้เสียบสายคล้องมือที่แอปเปิลจะขายแยกได้ สำหรับป้องกันรีโมทหลุดมือเมื่อใช้เล่นเกม (เช่นเดียวกับเครื่อง Wii ของนินเทนโด) นอกจากนี้ยังมีคอนโทรลเลอร์หรือจอยเกม Nimbus ของ Steelseries ที่จะผลิตออกมารองรับการเล่นเกมบน Apple TV อีกด้วย ซึ่งในอนาคตอาจจะมี จอยเกมหรืออุปกรณ์อื่น ๆ สำหรับใช้เล่นเกมออกมาอีกก็เป็นได้

ที่มา:

ไอทีจีเนียส เอ็นจิเนียริ่ง (IT Genius Engineering) ให้บริการด้านไอทีครบวงจร ทั้งงานด้านการอบรม (Training) สัมมนา รับงานเขียนโปรแกรม เว็บไซต์ แอพพลิเคชั่น งานออกแบบกราฟิก และงานด้าน E-Marketing ที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน ทั้ง SEO , PPC , และ Social media marketting

ติดต่อเราเพื่อสอบถามผลิตภัณฑ์ ขอราคา หรือปรึกษาเรื่องไอที ได้เลยค่ะ

Line : @itgenius (มี @ ด้านหน้า) หรือ https://lin.ee/xoFlBFe
Facebook : https://www.facebook.com/itgeniusonline
Tel : 02-570-8449 มือถือ 088-807-9770 และ 092-841-7931
Email : contact@itgenius.co.th
user
โดย Admin ITGenius
เข้าชม 4,153 ครั้ง

คำค้นหา : รองรับ Bluetooth 4 เป็นตัวเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดของระบบ Bluetooth น่าเสียดายที่ Apple TV รุ่นใหม่ยังคงรองรับแค่ Bluetooth 4.0 เท่านั้นiPhone 6s และ iPhone 6s Plus จะมีน้ำหนักที่มากกว่ารุ่นก่อนหน้าเล็กน้อยWallpaper ที่อยู่บนหน้าจอของ iPhone 6s ในงานเปิดตัวนั้นคือภาพของปลากัดฮาล์ฟมูนกล้องหลังที่ถ่ายภาพได้ความละเอียดสูงสุด 12 ล้านพิกเซลรองรับการถ่ายภาพพาโนรามาความละเอียดสูงสุด 63 ล้านพิกเซลกล้องหน้าที่เพิ่มจาก 1.2 ล้านพิกเซลเป็น 5 ล้านพิกเซลiPhone 6s และ iPhone 6s Plus แต่ละรุ่นจะรองรับสัญญาณ LTE ได้แทบทุกประเทศในโลก