Apple เปิดตัวฟีเจอร์ Accessibility ใหม่ เพื่อผู้ใช้งานทุกคน

Apple เปิดตัวฟีเจอร์ Accessibility ใหม่ เพื่อผู้ใช้งานทุกคน

หมวดหมู่: บทความทั่วไปSoftware ReviewTip & Technicข่าวไอที

Apple เปิดตัวฟีเจอร์ Accessibility ใหม่ เพื่อผู้ใช้งานทุกคน


Apple ได้เปิดตัวชุดฟีเจอร์ Accessibility ใหม่ที่จะพร้อมใช้งานภายในปีนี้ โดยเน้นการนำเสนอเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้ใช้งานทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้งานอุปกรณ์ Apple ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ฟีเจอร์ใหม่เหล่านี้ครอบคลุมทั้งด้านการมองเห็น การได้ยิน การเคลื่อนไหว และความสามารถทางสติปัญญา โดยอาศัยเทคโนโลยีล่าสุด เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Machine Learning เพื่อมอบประสบการณ์ใช้งานที่ราบรื่นและเป็นธรรมชาติ


 

รวมฟีเจอร์ Accessibillity ใหม่ล่าสุด

  • Accessibility Nutrition Labels บน App Store: นักพัฒนาสามารถระบุคุณสมบัติ Accessibility ที่รองรับในแอปของตน เช่น VoiceOver, Voice Control, Large Text เพื่อให้ผู้ใช้ตรวจสอบก่อนดาวน์โหลด ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้ทราบว่าแอปนั้นเข้ากันได้กับความต้องการของตนหรือไม่
     

  • แอป Magnifier บน Mac: แอปขยายภาพที่เคยมีบน iPhone และ iPad จะมาพร้อมบน Mac ช่วยให้ผู้ที่มีปัญหาด้านสายตาสามารถซูมภาพ อ่านข้อความ และตรวจจับวัตถุรอบตัวได้ โดยใช้งานร่วมกับกล้องในตัว หรือกล้อง USB ที่เชื่อมต่อ สามารถแสดงผลได้หลายหน้าต่างพร้อมกัน และปรับแต่งความสว่าง คอนทราสต์ และสีได้ตามต้องการ
  • Braille Access: ประสบการณ์ใหม่สำหรับผู้ใช้เบรลล์ ที่เปลี่ยน iPhone, iPad, Mac และ Apple Vision Pro ให้เป็นเครื่องจดบันทึกเบรลล์แบบเต็มรูปแบบ รองรับการป้อนข้อมูลเบรลล์บนหน้าจอหรืออุปกรณ์เบรลล์ที่เชื่อมต่อ สามารถเปิดไฟล์ BRF และใช้ Nemeth Braille สำหรับการคำนวณทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ได้

  • Accessibility Reader: โหมดการอ่านใหม่ที่ครอบคลุมทั้งระบบ (iPhone, iPad, Mac, Apple Vision Pro) ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ใช้ที่มีความบกพร่องทางการอ่าน สามารถปรับแต่งรูปแบบตัวอักษร สี และระยะห่างระหว่างบรรทัดได้ตามต้องการ

  • Live Captions บน Apple Watch: ควบคุมคุณสมบัติ Live Listen และแสดงคำบรรยายสดแบบเรียลไทม์บน Apple Watch สำหรับผู้ที่มีปัญหาทางการได้ยิน
  • Apple Vision Pro: ปรับปรุงความสามารถในการซูมภาพ และเพิ่มฟีเจอร์ Object Recognition ที่ใช้ Machine Learning เพื่ออธิบายสิ่งที่อยู่รอบตัวผู้ใช้
  • Brain Computer Interfaces (BCIs): iOS, iPadOS, และ visionOS จะรองรับโปรโตคอลใหม่สำหรับการควบคุมสวิตช์สำหรับ BCI ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้ใช้ควบคุมอุปกรณ์ได้โดยไม่ต้องเคลื่อนไหวร่างกาย

เบื้องหลังของเทคโนโลยี

ฟีเจอร์ Accessibility ใหม่เหล่านี้ใช้ประโยชน์จากพลังของ Apple Silicon, AI, และ Machine Learning อย่างเต็มที่ ตัวอย่างเช่น

  • AI: ใช้ในการประมวลผลเสียง (Live Captions, Name Recognition), วิเคราะห์ภาพ (Object Recognition), และเข้าใจรูปแบบการพูด (Listen for Atypical Speech).
  • Machine Learning: ใช้ในการคาดการณ์และปรับปรุงคุณภาพเสียง (Personal Voice), ตรวจจับและระบุวัตถุ (Object Recognition), และปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานอุปกรณ์สำหรับผู้ที่มีความบกพร่องทางการเคลื่อนไหว (Eye Tracking)

Apple ยังเปิด API ให้นักพัฒนาสามารถเข้าถึงกล้องหลักบน Apple Vision Pro เพื่อสร้างแอปที่ช่วยในการตีความภาพแบบเรียลไทม์ เช่น แอป Be My Eyes เป็นต้น


ที่มา: sanook.com/hitech/1613023

ไอทีจีเนียส เอ็นจิเนียริ่ง (IT Genius Engineering) ให้บริการด้านไอทีครบวงจร ทั้งงานด้านการอบรม (Training) สัมมนา รับงานเขียนโปรแกรม เว็บไซต์ แอพพลิเคชั่น งานออกแบบกราฟิก และงานด้าน E-Marketing ที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน ทั้ง SEO , PPC , และ Social media marketting

ติดต่อเราเพื่อสอบถามผลิตภัณฑ์ ขอราคา หรือปรึกษาเรื่องไอที ได้เลยค่ะ

Line : @itgenius (มี @ ด้านหน้า) หรือ https://lin.ee/xoFlBFe
Facebook : https://www.facebook.com/itgeniusonline
Tel : 02-570-8449 มือถือ 088-807-9770 และ 092-841-7931
Email : contact@itgenius.co.th

แนะนำหลักสูตรอบรมที่น่าสนใจ

user
โดย Bella
เข้าชม 39 ครั้ง

คำค้นหา : ปัญญาประดิษฐ์machine learningaccessibility nutrition labelsแอป magnifierbraille accessapple vision proไฟล์ brfbrain computer interfacesaccessibility readerlive captions