เมื่อภาระทางการศึกษาเกี่ยวพันกับหนี้ครัวเรือน ทุนเสมอภาคจะช่วยได้หรือไม่
โอกาสที่ไม่เท่ากันตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มเรียน
ในประเทศที่การเกิดผิดที่สามารถกำหนดจุดหมายชีวิตได้ การศึกษาถูกตั้งไว้เป็นกลไกสำคัญที่จะดึงเด็กจากครอบครัวรายได้น้อยให้มีโอกาสต่อสู้ในระบบแข่งขันของสังคม แต่ภายใต้ระบบเศรษฐกิจที่ยังเปราะบางและภาระหนี้ครัวเรือนที่สูงที่สุดในรอบทศวรรษ คำถามใหญ่ที่เกิดขึ้นคือ เด็กไทยยากจนกำลังได้รับโอกาสที่แท้จริง หรือเพียงได้รับโอกาสให้อยู่รอดในระบบเท่านั้น
ทุนเสมอภาคภายใต้การบริหารของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา หรือ กสศ. ถูกออกแบบมาเพื่อประคองเด็กจากครัวเรือนยากจนพิเศษให้อยู่ในระบบการศึกษาภาคบังคับ โดยเฉพาะช่วงรอยต่อสำคัญ เช่น อนุบาล 3 สู่ประถม 1 หรือ มัธยม 3 สู่มัธยมปลาย ทุนที่แจกในแต่ละปีมีมูลค่าระหว่าง 1,000 ถึง 7,200 บาทต่อคน ขึ้นอยู่กับระดับความยากจนและระดับชั้นของผู้เรียน
ในปี 2568 มีเด็กกว่า 800,000 คนที่ได้รับทุนเสมอภาค รวมงบประมาณกว่า 1,536 ล้านบาท ซึ่งอาจดูเป็นตัวเลขใหญ่ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับภาระของแต่ละครัวเรือน จะเห็นว่าทุนเหล่านี้คือเพียงกลไกประคอง ไม่ใช่แรงผลักดันที่เพียงพอในการปีนออกจากความเหลื่อมล้ำเชิงโครงสร้าง
ทุนเสมอภาคช่วยไม่ให้เด็กยากจนหลุดจากระบบ แต่ยังไม่เพียงพอสำหรับลดความเหลื่อมล้ำที่ฝังลึก หากไม่มีการลงทุนเพิ่มในโรงเรียน ครู และระบบสนับสนุน ครอบครัวที่เป็นหนี้ยังต้องเลือกระหว่างค่าอาหารกับการศึกษาของลูก
เมื่อความยากจนไม่ได้วัดแค่จากบัญชีรายรับ
แม้ระบบคัดกรองผู้มีสิทธิรับทุนจะใช้วิธีประเมินรายได้ทางอ้อมผ่าน Proxy Means Test ที่อาศัยครูและเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เยี่ยมบ้านเพื่อประเมินความยากจน แต่ในเชิงระบบ กลไกเหล่านี้ก็ยังเจอความท้าทายหลายด้าน เช่น ภาระงานของครู ข้อมูลที่ไม่อัปเดต และข้อจำกัดด้านทรัพยากรในพื้นที่ห่างไกล
ขณะเดียวกัน ความยากจนของครัวเรือนไทยไม่ใช่แค่ตัวเลขบนกระดาษ แต่สะท้อนผ่านสภาพคล่องจริงของผู้ปกครองที่ต้องจ่ายค่าเดินทาง ค่าอาหารกลางวัน ค่าเครื่องแบบ และอุปกรณ์การเรียน ซึ่งเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ประมาณ 500 ถึง 1,500 บาทต่อเดือน หรือราว 6,000 ถึง 18,000 บาทต่อปีสำหรับเด็กในโรงเรียนรัฐบาล
ในกลุ่มครอบครัวยากจนมากที่มีรายได้เฉลี่ยเพียง 34 บาทต่อวัน ต่ำกว่ามาตรฐานความยากจนของธนาคารโลกที่ตั้งไว้ที่ 80 บาทต่อวัน รายจ่ายการศึกษาจึงเป็นภาระที่ไม่เล็ก เมื่อเด็กหนึ่งคนต้องแลกโอกาสทางการศึกษากับการขาดแคลนอาหารหรือค่าใช้จ่ายในครัวเรือน
หนี้ครัวเรือนกับการศึกษาที่ไม่มีทางเลือก
ข้อมูลล่าสุดจากธนาคารแห่งประเทศไทยระบุว่า หนี้ครัวเรือนของไทยในไตรมาสแรกปี 2568 อยู่ที่ 16.35 ถึง 16.42 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 87.4 เปอร์เซ็นต์ของ GDP แม้จะลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่อยู่ที่ 88.4 เปอร์เซ็นต์ แต่จำนวนหนี้เสียที่สูงถึง 1.19 ล้านล้านบาท และกระทบผู้กู้กว่า 5.15 ล้านราย ยังคงเป็นสัญญาณว่าครอบครัวจำนวนมากไม่สามารถแบกรับรายจ่ายพื้นฐานได้อีกต่อไป
เมื่อนำสถิติเหล่านี้มาเชื่อมกับรายจ่ายด้านการศึกษา จะพบว่าความเสี่ยงไม่ได้อยู่แค่ในโรงเรียน แต่เริ่มต้นตั้งแต่ครัวเรือน เมื่อผู้ปกครองไม่มีทางเลือก นอกจากลดรายจ่ายที่ไม่ก่อรายได้ การศึกษาของบุตรหลานจึงอาจกลายเป็นเรื่องรอง แม้เด็กเหล่านี้จะอยู่ในระบบอย่างเป็นทางการ แต่ในทางปฏิบัติ อาจต้องหยุดเรียนบ่อยครั้งเพราะไม่มีค่าเดินทาง หรือไม่สามารถตามบทเรียนได้ทันเพราะขาดอุปกรณ์ขั้นพื้นฐาน
ช่องว่างที่ทุนไม่อาจถมได้
หากเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายในระบบการศึกษาโดยรวม จะเห็นได้ชัดว่าช่องว่างไม่ได้จำกัดแค่รายได้ แต่ขยายไปถึงคุณภาพของโรงเรียนและโอกาสในอนาคต โรงเรียนเอกชนทั่วไปมีค่าใช้จ่ายปีละ 10,000 ถึง 50,000 บาท ส่วนโรงเรียนนานาชาติอยู่ที่ 150,000 ถึงมากกว่า 900,000 บาทต่อปี ยังไม่รวมค่าธรรมเนียมแรกเข้าและกิจกรรมเสริมอีกหลายหมื่นบาท
ในขณะที่นักเรียนยากจนได้รับทุนเฉลี่ยเพียงไม่กี่พันบาทต่อปี พวกเขากำลังแข่งขันในระบบที่ใช้มาตรฐานเดียวกับเด็กที่มีต้นทุนสูงกว่าเป็นร้อยเท่า ในสภาพเช่นนี้ ความหวังที่จะใช้การศึกษาเป็นเครื่องมือขยับฐานะจึงไม่ต่างจากการปีนเขาโดยไม่มีอุปกรณ์เซฟตี้ใดๆ
ระบบที่ต้องเปลี่ยนทั้งกลไก ไม่ใช่แค่เพิ่มเงิน
แม้จะต้องยอมรับว่าโครงการทุนเสมอภาคมีส่วนช่วยป้องกันไม่ให้เด็กหลุดออกจากระบบการศึกษา แต่หากหยุดอยู่แค่การแจกทุน เงินเหล่านี้ก็อาจกลายเป็นเพียงยาแก้ปวดที่บรรเทาความรุนแรงได้ชั่วคราว แต่ไม่สามารถรักษาบาดแผลเชิงโครงสร้างได้อย่างแท้จริง
การลงทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาในระยะยาวจึงต้องไปไกลกว่าเงินรายหัว ต้องรวมถึงการพัฒนาโรงเรียนขนาดเล็กให้มีคุณภาพ การเพิ่มครูที่มีความสามารถเข้าสู่พื้นที่ห่างไกล การจัดระบบขนส่งนักเรียนที่ปลอดภัย และที่สำคัญ คือการทำให้ครอบครัวสามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องเลือก “เงินวันนี้” แทน “โอกาสของลูกในอนาคต”
ในสังคมที่การศึกษายังเป็นทางรอดเดียวของคนจน การรักษาเด็กให้อยู่ในระบบจึงยังไม่เพียงพอ หากระบบนั้นไม่มีโครงสร้างที่พาเขาไปไกลกว่าความจนรุ่นพ่อแม่
ที่มา: tnnthailand.com/tnnexclusive/205225
ไอทีจีเนียส เอ็นจิเนียริ่ง (IT Genius Engineering) ให้บริการด้านไอทีครบวงจร ทั้งงานด้านการอบรม (Training) สัมมนา รับงานเขียนโปรแกรม เว็บไซต์ แอพพลิเคชั่น งานออกแบบกราฟิก และงานด้าน E-Marketing ที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน ทั้ง SEO , PPC , และ Social media marketting
ติดต่อเราเพื่อสอบถามผลิตภัณฑ์ ขอราคา หรือปรึกษาเรื่องไอที ได้เลยค่ะ
Line : @itgenius (มี @ ด้านหน้า) หรือ https://lin.ee/xoFlBFeFacebook : https://www.facebook.com/itgeniusonline
Tel : 02-570-8449 มือถือ 088-807-9770 และ 092-841-7931
Email : contact@itgenius.co.th
แนะนำหลักสูตรอบรมที่น่าสนใจ
Basic HTML5 and CSS3 (คอร์ส html 5 และ css 3 พื้นฐาน)
ในการเรียน html5 และ css3 นับเป็นเทคโนโลยีการพัฒนาเว็...
คำค้นหา : นักเรียนยากจนทุนเสมอภาคหนี้ครัวเรือนค่าใช้จ่ายในระบบการศึกษาครอบครัวรายได้น้อยโรงเรียนขนาดเล็กความเสมอภาคทางการศึกษาสภาพคล่องแจกทุนการศึกษาความยากจน