5 ฟีเจอร์ใหม่ที่ iOS 26.2 มีให้และควรลองใช้

5 ฟีเจอร์ใหม่ที่ iOS 26.2 มีให้และควรลองใช้


Apple ได้ปล่อย iOS 26.2 ตัวเต็มออกมาให้อัปเดตกันแล้วเมื่อวันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา แม้รอบนี้จะดูเหมือนเป็นการอัปเดตย่อย แต่บอกเลยว่ามีฟีเจอร์ลับๆ ที่ช่วยให้ชีวิตสะดวกและปลอดภัยขึ้นเพียบ

สรุป 5 ฟีเจอร์เด็ดที่คุณไม่ควรพลาดใน iOS 26.2 มาให้แล้ว มีอะไรบ้าง ไปดูกัน

อะไรใหม่ใน iOS 26.2 ใหม่

1. แจ้งเตือน Reminders แบบมี "เสียงปลุก" (Urgent Alarm)

สายขี้ลืมต้องถูกใจสิ่งนี้! ปกติแอปเตือนความจำ (Reminders) จะแค่เด้งแจ้งเตือนเงียบๆ แต่ใน iOS 26.2 เราสามารถตั้งค่าให้มันเป็น "Urgent" (เร่งด่วน) ได้แล้ว ซึ่งจะทำให้มีเสียงปลุกดังขึ้นมาเหมือนนาฬิกาปลุกเลยทีเดียว แถมหน้าจอยังขึ้นให้กด "Snooze" (เลื่อนปลุก) ได้เหมือนกันเป๊ะ และจะแสดงสถานะนับถอยหลังบน Lock Screen จนกว่าเราจะกดทำรายการเสร็จ

2. แต่งหน้าจอล็อกสวยล้ำด้วย "Liquid Glass"

สายแต่งจอต้องลอง! หน้า Lock Screen เพิ่มลูกเล่นใหม่ในการปรับแต่งตัวเลขนาฬิกาด้วยเอฟเฟกต์ "Liquid Glass" คุณสามารถเลื่อนสไลเดอร์ปรับความใสของตัวเลขได้ จะให้ใสวิ๊งจนเกือบมองทะลุ หรือจะให้ดูขุ่นๆ เหมือนกระจกฝ้า (Frosted look) ก็ทำได้ เพิ่มมิติให้หน้าจอ iPhone ดูแพงขึ้นไปอีก

3. AirDrop ปลอดภัยขึ้น! ต้องใส่ "รหัส" หากไม่ใช่เพื่อน

หมดยุคโดนแกล้งส่งรูปแปลกๆ ผ่าน AirDrop เพราะ iOS 26.2 เพิ่มความปลอดภัยขั้นสุด หากคุณต้องการรับไฟล์จากคนแปลกหน้า (Unknown contacts) ระบบจะมีตัวเลือกให้สร้าง "AirDrop Code" บนเครื่องผู้รับ เพื่อนำไปกรอกบนเครื่องผู้ส่งก่อนเริ่มการส่งไฟล์ โดยโค้ดนี้จะทำให้เชื่อมต่อกันได้นาน 30 วัน ช่วยกรองคนส่งไฟล์มั่วได้ชะงัด

4. Apple Music ดูเนื้อเพลงแบบ "ออฟไลน์" ได้แล้ว

ใครชอบร้องเพลงตอนเน็ตหมดหรืออยู่บนเครื่องบินยิ้มได้เลย เพราะ Apple Music อัปเดตให้สามารถดูเนื้อเพลง (Lyrics) ได้แม้ไม่ได้เชื่อมต่อ Wi-Fi หรือ Cellular เรียกว่าโหลดเพลงมาฟังออฟไลน์แล้ว ก็ต้องมีเนื้อให้อ่านด้วยถึงจะครบสูตร

5. ไฟแฟลชแจ้งเตือน "หน้าจอ" (Screen Flash)

ฟีเจอร์ Accessibility ที่กลายเป็นลูกเล่นยอดฮิต เดิมทีเราตั้งค่าให้ไฟแฟลชกล้องด้านหลังกะพริบตอนมีแจ้งเตือนได้ แต่ในเวอร์ชันนี้เพิ่มตัวเลือก "Flash for Alerts" บนหน้าจอ เข้ามาด้วย คือเมื่อมีข้อความเข้า หน้าจอจะกะพริบไฟวาบขึ้นมา (เลือกได้ว่าจะให้กะพริบแค่จอ หรือกะพริบพร้อมไฟด้านหลัง) เหมาะมากสำหรับคนชอบปิดเสียงมือถือแต่อยากเห็นการแจ้งเตือนชัดๆ

อัปเดตยิบย่อยที่ช่วยให้ชีวิตดีขึ้น

• Freeform สร้างตารางได้แล้ว: แอปกระดานไวท์บอร์ดอัจฉริยะ เก่งขึ้นไปอีกขั้นด้วยการรองรับ "Tables" (ตาราง) ใส่ข้อความ รูปภาพ หรือวาดเขียนลงไปได้ เซลล์จะขยายขนาดให้อัตโนมัติ ช่วยจัดระเบียบความคิดได้ดีเยี่ยม
• Games App เอาใจเกมเมอร์: ปรับปรุงหน้า Library ให้สามารถ "เรียงตามขนาดไฟล์" ได้แล้ว (ใครเมมฯ เต็มจะได้รู้ว่าเกมไหนกินที่) แถมยังมี Banner แจ้งเตือนคะแนน Challenge แบบ Real-time ขณะเล่นเกมด้วย
• Measure (แอปวัด) ดีไซน์ใหม่: เปลี่ยนหน้าตาตัววัดระดับน้ำ (Level) จากวงกลมขาวๆ ธรรมดา ให้เป็นฟองอากาศแบบ Liquid Glass ดูสมจริงและล้ำขึ้น
• CarPlay: สำหรับคนขับรถที่ไม่ชอบความรก สามารถเลือก "ปิด" การแสดงข้อความที่ปักหมุด (Pinned Messages) บนหน้าจอ CarPlay ได้แล้ว

​

​

ฟีเจอร์พิเศษ (เฉพาะบางประเทศ)

รอบนี้มีความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นใน "ญี่ปุ่น" และโซนอื่นๆ ที่น่าจับตามอง

ญี่ปุ่น (Japan)

• บ๊ายบาย Siri? ผู้ใช้ iPhone ในญี่ปุ่นจะเป็นกลุ่มแรกๆ ที่สามารถ "เปลี่ยนผู้ช่วยเสียง" (Default Voice Assistant) จาก Siri ไปเป็นเจ้าอื่นได้ (เช่น Gemini หรือ Alexa) โดยกดปุ่มด้านข้างค้างไว้เพื่อเรียกใช้งาน
• Third-Party App Store: เปิดให้ติดตั้งแอปฯ จากสโตร์ทางเลือกอื่นได้แล้ว (เหมือนกับกฎใน EU)

สหภาพยุโรป (EU): ได้ใช้ฟีเจอร์ AirPods Live Translation อย่างเป็นทางการ (ใช้ AirPods แปลภาษาขณะสนทนาได้เลย)

สหรัฐอเมริกา (USA): เพิ่มฟีเจอร์ Enhanced Safety Alerts ระบบแจ้งเตือนภัยพิบัติ/แผ่นดินไหวที่แม่นยำขึ้น โดยใช้พิกัด Location ระบุพื้นที่เสี่ยงภัยได้ชัดเจนกว่าเดิม

แม้บางฟีเจอร์จะยังไม่เข้าไทย แต่ก็ถือเป็นสัญญาณว่าในอนาคต Apple อาจเปิดกว้างให้เราปรับแต่ง iPhone ได้อิสระมากขึ้น


ที่มา: sanook.com/hitech/1620103