Vivo เปิดตัวรุ่นเรือธงแห่งปี 2017 ในชื่อรุ่น Vivo V7+

Vivo V7+ ตัวจริงเรื่องเซลฟี่ กล้องหน้า 24 ล้านพิกเซล จอภาพไร้ขอบ ในราคาน่ารัก
Vivo เปิดตัวรุ่นเรือธงแห่งปี 2017 ในชื่อรุ่น Vivo V7+ ภายใต้สโลแกน 24MP Clearer Selfie Perfect Shot ที่มาพร้อมกับความโดดเด่นของกล้องหน้า ที่มีความละเอียดสูงถึง 24 ล้านพิกเซล กล้องหลัง 16 ล้านพิกเซล และตอบโจทย์ ชีวิตไร้ขีดจำกัด ด้วยหน้าจอขนาด 5.99 นิ้วแบบ FullView Display ที่ทำให้ผู้ใช้งานสัมผัสประสบการณ์ใหม่ในมุมมองที่กว้างขึ้น ในรูปแบบของจอไร้กรอบที่หรูหรา ประสิทธิภาพแรงใช้ได้ด้วยชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 450 แปดแกน ความเร็ว 1.8 GHz หน่วยความจำ RAM ขนาดใหญ่ 4GB RAM หน่วยความจำภายใน 64 GB และขยายเพิ่มด้วยการ์ด microSD ได้อีก 256 GB รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชั่นล่าสุด 7.1 Nougat (ครอบทับโดยระบบ Funtouch OS 3.2 ของ Vivo)

Vivo V7+ วางจำหน่ายพร้อมกันทั่วประเทศ 28 กันยายน 2560 ในราคาเพียง 11,990 บาท มีด้วยกัน 2 สี Matte Black และ Champagne Gold (สำหรับผู้ที่สนใจสั่งจอง Vivo V7+ ล่วงหน้าได้ที่ Vivo Shop ทุกสาขา ตั้งแต่วันนี้ – 27 กันยายน 2560)

Vivo V7+ มีความโดดเด่น ใน 4 จุดขายหลัก  
1.ระบบการถ่ายภาพที่สมบูรณ์แบบสำหรับสมาร์ทโฟน กล้องหน้าความละเอียด 24 ล้านพิกเซล รูรับแสง f2.0 ตอกย้ำการเป็นสมาร์ทโฟนเซลฟี่ตัวจริง และไม่เพียงแต่ความละเอียดสูงสุดเท่านั้น Vivo V7+ ยังยกระดับการเซลฟี่ ที่ทำให้ผู้ใช้ดูสวยใส เป็นธรรมชาติในทุกเวลา ไม่ว่าจะแสงมากหรือแสงน้อย ด้วยโหมดใบหน้าสวยเวอร์ชั่น 7.0 (Face Beauty 7.0)

นอกจากนี้ยังมีโหมดภาพถ่ายบุคคล ที่สร้างเอฟเฟคการถ่ายภาพแบบชัดตื้น เพื่อให้ได้ภาพเซลฟี่ที่มีใบหน้าคมชัด ในขณะที่ฉากหลังจะเบลออย่างสวยงาม เป็นธรรมชาติ ทำให้นายแบบ นางแบบดูดี และโดดเด่น ในส่วนของกล้องหลังความละเอียดสูง 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f2.0

2.ตอบโจทย์ ชีวิตไร้ขีดจำกัด ด้วยหน้าจอ FullView Display ให้ผู้ใช้งานได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ ในมุมมองที่กว้างขึ้น ไม่ว่าจะดูหนัง เล่นเกม หรืออ่านไฟล์เอกสาร ด้วยขนาดหน้าจอกว้างถึง 5.99 นิ้ว ความละเอียดจอ 1440x720 พิกเซล และความบางของกรอบเพียง 2.15 มิลลิเมตร แต่จับถนัดมือ ทำให้ Vivo V7+ มีดีไซน์ที่โดดเด่น
3.สมรรถนะเครื่องด้วยการประมวลผลของชิป Qualcomm Snapdragon 450 แปดแกน ความเร็ว 1.8 GHz หน่วยความจำ RAM 4GB หน่วยความจำภายใน 64 GB และระบบการจัดการ Smart Engine พร้อมด้วยระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ล่าสุด Funtouch OS 3.2 ตั้งอยู่บนพื้นฐาน Android 7.1 ที่ช่วยให้การทำงานของเครื่องลื่นไหล และสามารถเพิ่มพื้นที่หน่วยความด้วยการ์ด microSD ได้สูงสุดถึง 256 GB

นอกจากนี้ Vivo ได้จับมือกับบริษัทผู้ผลิตชิปเซ็ตเสียงชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อติดตั้งชิปเสียงรุ่นพิเศษ Hi–Fi AK4376A ทำให้ได้อรรถรสการฟังเพลงที่ชัดเจน มีคุณภาพ และไพเราะมากยิ่งขึ้น

4.เทคโนโลยีอัจฉริยะ Smart Split 3.0, App Clone และ ระบบจดจำใบหน้าเพื่อปลดล็อคเครื่อง Vivo ทุ่มเทการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างแท้จริง จนได้ออกมาเป็น 3 เทคโนโลยีอัจฉริยะ ที่มาเติมเต็มให้ Vivo V7+ สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ประกอบด้วย  

Smart Split 3.0 ฟังก์ชั่นที่ทำให้ผู้ใช้งาน สามารถใช้แอพพลิเคชั่นได้หลายแอพฯ เช่น Facebook, WhatsApp, LINE, WeChat, YouTube ได้พร้อมกันในหน้าจอเดียว เพียงใช้ 3 นิ้ว ลากลงมาที่หน้าจอ ก็สามารถแบ่งการใช้งานหน้าจอออกเป็น 2 ส่วน ให้ผู้ใช้งานได้สนุกทั้งความบันเทิง และการแชทได้อย่างอิสระ 

App Clone ฟังก์ชั่นใหม่ที่ช่วยให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น โดยสามารถเข้าใช้งานแอพพลิเคชั่นด้วยบัญชี 2 บัญชีพร้อมกันอย่างง่ายดาย อย่างการเล่น LINE สองแอคเคาท์ในเครื่องเดียว แยกเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวออกจากกันได้อย่างชัดเจน ไม่ต้องพกสมาร์ทโฟน 2 เครื่องอีกต่อไป

ระบบจดจำใบหน้าเพื่อปลดล็อคโทรศัพท์ ยกระดับระบบความปลอดภัยของสมาร์ทโฟนให้ดียิ่งขึ้น เพียงแค่ยกโทรศัพท์ขึ้นคล้ายกับกำลังถ่ายเซลฟี่ ก็สามารถปลดล็อคโทรศัพท์ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ชีวิตของทุกคนง่ายและสะดวกสบายมากขึ้น ไม่ต้องเจอกับปัญหาการจดจำรหัสผ่านอีกต่อไป

ที่มา: