กรมควบคุมโรค เฝ้าติดตามสถานการณ์ โรคไข้นกแก้ว ในยุโรป

กรมควบคุมโรค เฝ้าติดตามสถานการณ์ โรคไข้นกแก้ว ในยุโรป

หมวดหมู่: บทความทั่วไปTip & Technic

กรมควบคุมโรค เฝ้าติดตามสถานการณ์ “โรคไข้นกแก้ว” ในยุโรป ย้ำ ประชาชนอย่าตื่นตระหนก รับฟังข้อมูลข่าวสารที่น่าเชื่อถือ


กรมควบคุมโรค ติดตามสถานการณ์โรคไข้นกแก้วประเทศแถบยุโรปอย่างใกล้ชิด พร้อมประสานร่วมมือเฝ้าระวังโรคทั้งในคนและในสัตว์กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แนะประชาชนรับฟังข้อมูลข่าวสารอย่างมีสติจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ ตระหนักได้ แต่อย่าตระหนก สำหรับกลุ่มเสี่ยงผู้เลี้ยงนก สัตวแพทย์ หรือบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับนก คอยหมั่นสังเกตอาการตนเองและอาการของสัตว์ที่เลี้ยงอยู่เสมอ

          วันนี้ (9 มีนาคม 2567) นายแพทย์วีรวัฒน์ มโนสุทธิ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ และโฆษกกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีพบการระบาดของโรคซิตตาโคซิส หรือโรคไข้นกแก้ว ในหลายประเทศแถบยุโรป มีผู้เสียชีวิต 5 ราย โดยพบเชื้อในนก สัตว์ปีกในป่า และสัตว์เลี้ยงหลายชนิด ว่า โรคไข้นกแก้ว (Psittacosis) ไม่ใช่โรคติดต่ออุบัติใหม่ สามารถรักษาด้วยยาปฏิชีวนะได้ เชื้อนี้มักก่อโรคในนกที่เป็นสัตว์เลี้ยง รวมถึงนกแก้ว ในอดีตเคยมีการระบาดในนกแก้วแล้วหลายประเทศ เช่น เม็กซิโก สหรัฐอเมริกา นิวซีแลนด์ คอสตาริกา ออสเตรเลีย ส่วนในประเทศไทย เคยมีการรายงานผู้ป่วยโรคนี้ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2539 จากการวิจัยสำรวจในสัตว์ปีกพบเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้เช่นกัน แต่พบในอุบัติการณ์ที่ต่ำ กรมควบคุมโรคได้ดำเนินการเฝ้าระวังผู้ติดเชื้อโรคไข้นกแก้วอย่างใกล้ชิด พร้อมประสานความร่วมมือเฝ้าระวังโรคทั้งในคนและในสัตว์กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ล่าสุดยังไม่พบรายงานผู้ป่วยในประเทศไทย

          นายแพทย์วีรวัฒน์ กล่าวต่อว่า โรคซิตตาโคซิส (Psittacosis) หรือโรคไข้นกแก้ว เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่พบได้ยาก ซึ่งมีนกเป็นพาหะ เช่น นกแก้ว นกพิราบ และนกคีรีบูน นอกจากนี้ยังสามารถพบได้ในสัตว์อื่นๆ ที่มีความใกล้ชิดกับนกดังกล่าว เช่น สุนัขและแมว โดยคนจะสามารถติดต่อโรคนี้ได้ผ่านการหายใจเอาละอองเชื้อเข้าไป จากสารคัดหลั่ง ฝุ่นที่ติดอยู่บนขน และมูลแห้งของนก โดยคนกลุ่มเสี่ยงจะเป็นผู้ที่มีความใกล้ชิดกับนก เช่น สัตวแพทย์ ผู้ช่วยสัตวแพทย์ คนเลี้ยงนก รวมถึงผู้ให้อาหารนก เป็นต้น โดยผู้ติดเชื้อมักมีการอาการแสดงเพียงเล็กน้อย เช่น ไข้ หนาวสั่น ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ และไอแห้ง ซึ่งผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการ 5-14 วันหลังจากได้รับเชื้อ และสามารถรักษาได้ด้วยยาปฏิชีวนะ สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงหรือผู้เสียชีวิต  มักเป็นกลุ่มคนสูงวัยหรือผู้มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง และการพบผู้เสียชีวิตสามารถพบได้น้อยมาก

          ทั้งนี้ ขอแนะนำให้ประชาชนรับฟังข่าวด้วยความตระหนัก รับทราบความเสี่ยงของภัยสุขภาพ เพื่อทราบแนวทางป้องกันโรค ไม่ตื่นตระหนกตกใจ หรือหลงเชื่อข่าวปลอมจากแหล่งข่าวที่ไม่น่าเชื่อถือ ประชาชนสามารถติดตามข่าวได้จากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข สำหรับการป้องกันโรคไข้นกแก้วสามารถทำได้ง่าย โดยประชาชนควรหลีกเลี่ยงใกล้ชิดกับสัตว์ป่วย หากจำเป็นต้องสัมผัสต้องป้องกันตนเองให้ดี สวมหน้ากากอนามัย สวมถุงมือ และหลังจากสัมผัสสัตว์แล้วล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ ผู้เลี้ยงนก สัตวแพทย์ หรือบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับนก หมั่นสังเกตอาการตนเองและอาการของสัตว์อยู่เสมอ หากมีอาการไข้รวมถึงอาการทางระบบทางเดินหายใจ ให้รีบพบแพทย์พร้อมแจ้งประวัติเสี่ยงเพื่อการวินิจฉัยโรคที่ถูกต้อง สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422


ที่มา: ddc.moph.go.th/brc/news.php?news=41440&deptcode=brc&news_views=2021

ไอทีจีเนียส เอ็นจิเนียริ่ง (IT Genius Engineering) ให้บริการด้านไอทีครบวงจร ทั้งงานด้านการอบรม (Training) สัมมนา รับงานเขียนโปรแกรม เว็บไซต์ แอพพลิเคชั่น งานออกแบบกราฟิก และงานด้าน E-Marketing ที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน ทั้ง SEO , PPC , และ Social media marketting

ติดต่อเราเพื่อสอบถามผลิตภัณฑ์ ขอราคา หรือปรึกษาเรื่องไอที ได้เลยค่ะ

Line : @itgenius (มี @ ด้านหน้า) หรือ https://lin.ee/xoFlBFe
Facebook : https://www.facebook.com/itgeniusonline
Tel : 02-570-8449 มือถือ 088-807-9770 และ 092-841-7931
Email : contact@itgenius.co.th

แนะนำหลักสูตรอบรมที่น่าสนใจ

user
โดย Bella
เข้าชม 138 ครั้ง

คำค้นหา : กรมควบคุมโรคโรคไข้นกแก้วเฝ้าระวังโรคผู้เลี้ยงนกpsittacosisสังเกตอาการเชื้อแบคทีเรียมีนกเป็นพาหะใกล้ชิดกับสัตว์ปีกระบบทางเดินหายใจ