ครูประจำชั้นยอมรับ 10 อันดับนักเรียนเก่งที่สุดในชั้น ส่วนใหญ่มีศักยภาพมาจาก 4 ประเภทครอบครัวนี้!
สภาพแวดล้อมในครอบครัวมีผลอย่างลึกซึ้งต่อการเรียนรู้และการเติบโตของเด็ก
ครูฮวง บล็อกเกอร์ด้านการศึกษา จากประเทศจีน ได้เขียนบทความ ระบุว่า ในฐานะครูประจำชั้น จากประสบการณ์การสอนหลายปี ดิฉันสังเกตว่า นักเรียนที่มีความขยันและรักษาผลการเรียนได้ดีอย่างสม่ำเสมอ ส่วนใหญ่มาจากครอบครัวที่มีลักษณะร่วมบางประการ
อันดับ1: ครอบครัวให้ความสำคัญกับการอ่านหนังสือ
การอ่านหนังสือไม่เพียงช่วยให้เด็กเรียนรู้ความรู้ แต่ยังเปิดโลกจินตนาการ กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และทักษะการคิดวิเคราะห์ ครอบครัวที่เห็นคุณค่าการอ่านมักสร้าง “บรรยากาศแห่งความรู้” ภายในบ้าน หนังสือไม่ใช่แค่สิ่งของ แต่เป็นเพื่อนสนิทที่อยู่เคียงข้างเสมอ
เด็กที่เติบโตในสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนการอ่าน จะมีสมาธิสูงขึ้น มีคลังคำศัพท์กว้าง และสามารถสื่อสารได้ชัดเจน การเห็นพ่อหรือแม่อ่านหนังสือทุกค่ำคืนเป็นบทเรียนที่ทรงพลังและมีผลมากกว่าคำแนะนำใด ๆ
ผู้ปกครองสามารถเปลี่ยนการอ่านหนังสือให้เป็นกิจกรรมสร้างสัมพันธ์ในครอบครัว เช่น ใช้เวลา 20–30 นาทีต่อวันอ่านหนังสือร่วมกับลูก พูดคุยเกี่ยวกับตัวละคร เหตุการณ์ หรือบทเรียนจากเรื่องนั้น
เมื่อไปที่ร้านหนังสือ ให้ลูกได้เลือกหนังสือที่ตนชอบ เพราะการเลือกเองจะสร้างแรงจูงใจมากกว่าการบังคับ และอย่าลืมแบ่งปันประสบการณ์การอ่านของตัวเอง เช่น “แม่เคยอ่านเล่มนี้ตอนอายุเท่าลูกนะ และชอบตรง…” การร่วมอ่านแบบนี้จะทำให้การอ่านกลายเป็นความสนุก ไม่ใช่หน้าที่
อันดับ 2: ครอบครัวแบบประชาธิปไตยและเท่าเทียม
ครอบครัวแบบประชาธิปไตยไม่ได้หมายความว่า “เด็กอยากได้อะไรก็ได้ทุกอย่าง” แต่คือพ่อแม่รู้จักฟัง เคารพความคิดของลูก ทำให้เด็กรู้สึกว่าตัวเองมีค่า เมื่อเด็กกล้าแสดงความคิดเห็น กล้าถกเถียง และได้รับการรับฟัง พวกเขาจะได้ฝึกทักษะคิดวิเคราะห์ และสร้างความมั่นใจในการสื่อสาร
ตัวอย่างเช่น เมื่อลูกลังเลว่าจะเรียนเสริมห้องไหน แทนที่จะตัดสินใจแทนลูก พ่อแม่สามารถนั่งคุยร่วมกับลูก ช่วยกันระบุจุดแข็ง-จุดอ่อนของแต่ละตัวเลือก พิจารณาเรื่องเวลา ค่าใช้จ่าย และความชอบ สุดท้ายให้ลูกตัดสินใจและรับผิดชอบกับตัวเลือกนั้น การทำแบบนี้ช่วยให้เด็กฝึกวิเคราะห์ปัญหา เรียนรู้การรับผิดชอบ และรู้สึกว่าตนเองได้รับการเคารพ
ในทางกลับกัน หากพ่อแม่มักบังคับ เด็กจะค่อย ๆ สูญเสียแรงจูงใจ ไม่กล้าแสดงความคิดเห็น และพึ่งพาคนอื่นง่ายเมื่อโตขึ้น ดังนั้น การสร้างบรรยากาศประชาธิปไตยในครอบครัวจึงเป็นรากฐานสำคัญให้เด็กเติบโตเป็นคนที่มั่นใจและมีความเป็นอิสระ
อันดับ 3: ครอบครัวมีระเบียบวินัยและการใช้ชีวิตอย่างเป็นระบบ
เด็กที่เติบโตในสภาพแวดล้อมที่ไร้กฎเกณฑ์มักยากต่อการสร้างนิสัยการมีวินัย ในทางกลับกัน หากเด็กได้อยู่ในครอบครัวที่มีกิจวัตรชัดเจน กินตรงเวลา นอนตรงเวลา เรียนและเล่นอย่างมีแผน พวกเขาจะค่อย ๆ พัฒนาความมีวินัย
ความสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญ แม้ในวันหยุดสุดสัปดาห์หรือช่วงปิดเทอม พ่อแม่ควรรักษากิจวัตรพื้นฐาน ไม่ปล่อยให้เด็ก “ตามใจตัวเองเกินไป” เช่น เข้านอน 4 ทุ่ม ตื่น 7 โมงเช้า ใช้เวลา 2 ชั่วโมงเช้าในการเรียนหรืออ่านหนังสือ จากนั้นจึงเป็นเวลาทำกิจกรรมหรือพักผ่อน การรักษาความสม่ำเสมอนี้ช่วยฝึกทักษะการจัดการเวลา ซึ่งเป็นความสามารถสำคัญเมื่อโตขึ้น
นอกจากนี้ พ่อแม่ควรเป็น “ผู้ควบคุมอย่างอ่อนโยนแต่มั่นคง” หากเด็กมัวแต่เล่น พ่อแม่ไม่ควรดุเพียงอย่างเดียว แต่ควรปรับตารางร่วมกับลูก เช่น “เล่นอีก 30 นาที แล้วเรามาอ่านหนังสือด้วยกันนะ” การร่วมมือและการมีส่วนร่วมเช่นนี้จะช่วยให้เด็กสร้างนิสัยดีได้อย่างยั่งยืนโดยไม่รู้สึกถูกบังคับ
อันดับ 4: ครอบครัวที่พ่อแม่มีทัศนคติเชิงบวกและมุ่งมั่นพัฒนา
เด็กมักเป็น “กระจกสะท้อน” ของพ่อแม่ หากพ่อแม่ชอบบ่นหรือยอมแพ้ง่าย เด็กก็อาจซึมซับนิสัยเชิงลบไปด้วย ในทางกลับกัน ครอบครัวที่พ่อแม่เต็มไปด้วยพลัง มีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ และไม่หยุดพัฒนาตนเอง จะสร้างแรงบันดาลใจอันทรงพลังให้เด็ก
ภาพพ่อที่เรียนภาษาเพิ่มเติม แม่ที่เข้าร่วมคอร์สพัฒนาทักษะ หรือทั้งคู่ที่ออกกำลังกายร่วมกัน เป็น “บทเรียนชีวิตที่จับต้องได้” สำหรับเด็ก เมื่อเด็กเห็นพ่อแม่มุ่งมั่นทำตามเป้าหมาย พวกเขาจะซึมซับจิตวิญญาณของความมุ่งมั่นและนำไปใช้กับการเรียน
สิ่งสำคัญที่สุดคือทัศนคติแบบมองโลกในแง่ดี เด็กไม่ได้เรียนรู้เพียงจากความสำเร็จของพ่อแม่ แต่ยังเรียนรู้จากวิธีที่พ่อแม่เผชิญกับความท้าทาย เช่น แม่อาจพูดว่า “วันนี้งานมีปัญหานิดหน่อย แต่แม่เชื่อว่าจะหาทางแก้ไขได้” ข้อความนี้สอนให้เด็กเข้าใจว่าความล้มเหลวเป็นเพียงชั่วคราว และมักมีทางออกเสมอ
สภาพแวดล้อมในครอบครัวมีอิทธิพลอย่างลึกซึ้งต่อการเรียนรู้และการเติบโตของเด็ก ผู้ปกครองสามารถเริ่มต้นจากสิ่งเล็ก ๆ ที่เป็นประโยชน์ เช่น ส่งเสริมให้ลูกอ่านหนังสือ เคารพความคิดของลูก สร้างกิจวัตรประจำวันอย่างเป็นระบบ พร้อมทั้งไม่หยุดพัฒนาตนเอง
หากหลายครอบครัวนำแนวทางเหล่านี้ไปปรับใช้ เด็ก ๆ จะได้รับแรงสนับสนุนที่มั่นคง ช่วยให้พวกเขาก้าวเดินอย่างมั่นใจบนเส้นทางการเรียนรู้และการเติบโต
ขอขอบคุณข้อมูล :SOHA และ ภาพ :August de Richelieu
ไอทีจีเนียส เอ็นจิเนียริ่ง (IT Genius Engineering) ให้บริการด้านไอทีครบวงจร ทั้งงานด้านการอบรม (Training) สัมมนา รับงานเขียนโปรแกรม เว็บไซต์ แอพพลิเคชั่น งานออกแบบกราฟิก และงานด้าน E-Marketing ที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน ทั้ง SEO , PPC , และ Social media marketting
ติดต่อเราเพื่อสอบถามผลิตภัณฑ์ ขอราคา หรือปรึกษาเรื่องไอที ได้เลยค่ะ
Line : @itgenius (มี @ ด้านหน้า) หรือ https://lin.ee/xoFlBFeFacebook : https://www.facebook.com/itgeniusonline
Tel : 02-570-8449 มือถือ 088-807-9770 และ 092-841-7931
Email : contact@itgenius.co.th
แนะนำหลักสูตรอบรมที่น่าสนใจ
Basic JavaScript
หลักสูตร Basic JavaScript นี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้พื้นฐานของภาษา JavaS...
jQuery for Application
หลักสูตรนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ใช้งาน jQuery มาซักระยะหนึ่ง ในหลักสูตรนี้จะเน้นการใช้งาน F...
jQuery Mobile
หลักสูตรนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ใช้งาน jQuery มาซักระยะแล้วหรือผ่านการอบรมในหลักสูตร Introd...
Introduction to Joomla
หลักสูตรนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสร้าง Website ด้วยตัวเองแต่ไม่ถนัดในการเขียนโปรแกรม...
Introduction to WordPress
เหมาะสำหรับสำหรับมือใหม่ Non-IT และผู้ไม่มีพื้นฐาน การเขียนเว็บ ทุกท่าน สอนตั้งแต...
Introduction to OpenCart
เรียนรู้การใช้งาน Server เบื้องต้นโดย DirectAdmin Control Panel และรู้จักการ Upload Fil...
Visual Basic 2010 Programming
หลักสูตรการเขียนโปรแกรมเฉพาะทางด้วย Visual Basic 2010 ร่วมกับฐานข้อมูล Microsoft Access...
คำค้นหา : การศึกษาครอบครัวการให้การศึกษาอาชีพการอบรมสั่งสอนค่านิยมการให้ความรู้การเรียนรู้