รวมสาเหตุที่ชาร์จไฟมือถือแค่ 80% จะทนทานและยืดอายุกว่าชาร์จจนเต็ม
มือถือทุกวันนี้นอกจากจะมีเทคโนโลยีต่างๆ มากมายที่อำนวยมากมาย แต่ถ้าเกิดใช้จนไฟหมดก็ต้องขาร์จไฟ แต่เคยสงสัยไหมครับว่าทำไมใช้มือถือไปแค่ปีสองปี แบตเตอรี่ถึงได้เสื่อมเร็วเหลือเกิน? จากที่เคยใช้งานได้เต็มวัน กลายเป็นว่าต้องพกพาวเวอร์แบงค์ติดตัวตลอดเวลา หนึ่งในสาเหตุหลักที่เราอาจมองข้ามไปก็คือ "พฤติกรรมการชาร์จ" ซึ่งวันนี้ จะมาบอกกันว่าชาร์จไฟมือถือเท่าไหร่ก็พอแล้ว
ทำไมถึงต้องขาร์จไฟแค่ 80% ก็พอแล้ว?
เรื่องหนึ่งที่ผู้ผลิตมักจะแนะนำกันคือ ชาร์จไฟมือถือ 80%" ก็พอแล้ว เพราะจริงเป็นอีกวิธีที่ทำให้สามารถทำให้ยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ ซึ่งดีกว่าการชาร์จไฟจนเต็ม 100% เพราะอะไรเรามาดู 3 เหตุผลที่ต้องรู้ดังนี้
1. ลดความเครียด ยืดอายุเซลล์แบตเตอรี่
เรื่องนี้เราต้องเข้าใจธรรมชาติของแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Li-ion) ที่เราใช้กันในสมาร์ทโฟนทุกวันนี้ ลองจินตนาการว่าแบตเตอรี่เป็นเหมือนนักวิ่งมาราธอน การวิ่งด้วยความเร็วคงที่สม่ำเสมอจะทำให้นักวิ่งไปได้ไกลและอึดกว่าการเร่งสปีดเต็มกำลังตลอดเวลา
- สภาวะแรงดันไฟฟ้าสูง: การชาร์จแบตเตอรี่จนถึง 100% เปรียบเสมือนการสั่งให้นักวิ่งต้องวิ่งอัดเต็มสปีดค้างไว้ที่เส้นชัย ซึ่งสร้าง "ความเครียด" (Stress) ให้กับเซลล์แบตเตอรี่อย่างมาก แรงดันไฟฟ้าที่สูงเกินไปจะเร่งให้สารเคมีภายในเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ทำให้ความจุโดยรวม (Capacity) ของแบตเตอรี่ลดลงอย่างถาวร
- ช่วงเวลาที่เหมาะสมของการเก็บไฟ: ช่วงที่แบตเตอรี่ทำงานได้สบายที่สุดโดยไม่เครียดเกินไปคือระดับ 20% - 80% การรักษาระดับพลังงานให้อยู่ในโซนนี้เป็นประจำ จะช่วยเพิ่มจำนวน "รอบการชาร์จ" (Charge Cycle) ทั้งหมดที่แบตเตอรี่สามารถทำได้ก่อนจะเสื่อมสภาพลงอย่างเห็นได้ชัด
2. หลีกเลี่ยง 'โซนอันตราย' จากความร้อน
"ความร้อน" คือศัตรูตัวฉกาจที่สุดของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะแบตเตอรี่ กระบวนการชาร์จไฟจะก่อให้เกิดความร้อนขึ้นเป็นปกติ แต่ช่วงที่อันตรายที่สุดคือช่วงท้ายของการชาร์จ
เมื่อระดับแบตเตอรี่เกิน 80% ขึ้นไป ระบบจะปรับลดความเร็วในการชาร์จลงเพื่อความปลอดภัย แต่กระบวนการนี้กลับทำให้เกิดความร้อนสะสมได้ง่ายขึ้น การหยุดชาร์จที่ 80% จึงเป็นการตัดจบก่อนที่จะเข้าสู่ "โซนความร้อนสูง" นี้ ช่วยถนอมเซลล์แบตเตอรี่ไม่ให้ถูกทำลายจากอุณหภูมิที่สูงเกินไป และยังปลอดภัยต่อตัวเครื่องและผู้ใช้งานอีกด้วย
3. ประหยัดเวลาในวันที่เร่งรีบ
สำหรับคนที่ชีวิตเร่งรีบ กฎ 80% นี้มีประโยชน์อย่างมากในทางปฏิบัติ เทคโนโลยีชาร์จเร็ว (Fast Charging) จะอัดประจุไฟเต็มกำลังในช่วงแรก ทำให้การชาร์จจาก 0% ไปถึง 80% นั้นใช้เวลาสั้นมาก แต่หลังจากนั้น ความเร็วจะลดลงได้อย่างมาก ดังนั้น หากคุณมีเวลาเพียง 20-30 นาที การชาร์จให้ถึง 80% จะทำให้คุณได้พลังงานกลับมาใช้งานได้เกือบทั้งวัน ซึ่งคุ้มค่ากว่าการรออีก 20-30 นาทีเท่ากันเพื่อเติมส่วนที่เหลือจาก 80% ไปจนเต็ม 100%
เปิดระบบให้สามารถชาร์จไฟมือถือล็อคไว้ที่ 80% ได้อย่างไร
หากเป็นเมื่อก่อน หลายคนบอกว่าต้องมาดูว่า ชาร์จไฟแค่ 80% ต้องนั่งดูเรื่อยๆ แต่เดี๋ยวนี้มือถือหลายเครื่องมีระบบเกี่ยวกับการจัดการให้สามารถชาร์จไฟแค่ 80% ได้โดยผ่านทั้งฟีเจอร์ การดูแลแบตเตอรี่ แบ่งออกเป็นวิธีดังนี้
1.Apple (iPhone)
สำหรับ iPhone มี 2 รูปแบบ ขึ้นอยู่กับเวอร์ชันของ iOS ครับ
iOS 17 หรือเก่ากว่า: การชาร์จเพื่อถนอมแบตเตอรี่ (Optimized Battery Charging)
การทำงาน: ฟีเจอร์นี้ไม่ได้ล็อคที่ 80% ตลอดเวลา แต่จะเรียนรู้พฤติกรรมการชาร์จประจำวันของคุณ โดยจะชาร์จเร็วถึง 80% แล้วหยุดค้างไว้ จากนั้นจะคำนวณเพื่อชาร์จต่อให้เต็ม 100% พอดีกับเวลาที่คุณมักจะตื่นนอนและหยิบมือถือ
วิธีตั้งค่า:
- 1.ไปที่ การตั้งค่า (Settings)
- 2.เลือก แบตเตอรี่ (Battery)
- 3.เลือก สุขภาพแบตเตอรี่และการชาร์จ (Battery Health & Charging)
- 4.เปิด "การชาร์จเพื่อถนอมแบตเตอรี่ (Optimized Battery Charging)"
iOS 18 ขึ้นไป (เริ่มใช้ปลายปี 2024):
การทำงาน: Apple ได้เพิ่มความสามารถในการล็อคการชาร์จที่ 80% ได้โดยตรง
วิธีตั้งค่า:
- 1.ทำตามขั้นตอนข้างบนเพื่อเข้าสู่หน้า สุขภาพแบตเตอรี่และการชาร์จ
- 2.คุณจะเจอตัวเลือกให้สามารถกำหนดเพดานการชาร์จที่ 80% ได้เลย
2. Samsung
มือถือ Samsung รุ่นใหม่ๆ (ที่มี One UI 4.0 ขึ้นไป) มีฟีเจอร์นี้มาให้โดยตรงและเข้าใจง่ายที่สุด
ชื่อฟีเจอร์: การป้องกันแบตเตอรี่ (Protect Battery)
การทำงาน: เมื่อเปิดใช้งาน มือถือจะหยุดชาร์จ "ทันที" เมื่อแบตเตอรี่ถึงระดับ 85% (ไม่ใช่ 80%)
วิธีตั้งค่า:
- 1.ไปที่ การตั้งค่า (Settings)
- 2.เลือก การดูแลแบตเตอรี่และอุปกรณ์ (Battery and device care)
- 3.แตะที่ แบตเตอรี่ (Battery)
- 4.เลื่อนลงมาแล้วเลือก การตั้งค่าแบตเตอรี่เพิ่มเติม (More battery settings) ยกเว้น One UI 7 ที่จะอยู๋ภายนอก
- 5.เปิด "การป้องกันแบตเตอรี่ (Protect Battery)"
3. OPPO / OnePlus / Realme
แบรนด์ในเครือนี้มักใช้ฟีเจอร์ที่คล้ายคลึงกับของ Apple คือเน้นการเรียนรู้พฤติกรรมการชาร์จตอนกลางคืน
ชื่อฟีเจอร์: การชาร์จตอนกลางคืนที่ปรับให้เหมาะสม (Optimized Night Charging)
การทำงาน: ระบบจะชะลอการชาร์จเมื่อถึง 80% ในช่วงที่คุณนอนหลับ และจะชาร์จต่อให้เต็ม 100% ก่อนที่คุณจะตื่นนอน (ไม่สามารถใช้ล็อค 80% ในการชาร์จระหว่างวันได้) อย่างไรก็ตาม ใน ColorOS รุ่นใหม่ๆ บางรุ่นเริ่มมีฟังก์ชัน Stop charging at 80% ให้เลือกโดยตรง
วิธีตั้งค่า:
- 1.ไปที่ การตั้งค่า (Settings)
- 2.เลือก แบตเตอรี่ (Battery)
- 3.เลือก การตั้งค่าเพิ่มเติม (Advanced settings/More settings)
- 4.เปิด "การชาร์จตอนกลางคืนที่ปรับให้เหมาะสม (Optimized Night Charging)" หรือมองหาตัวเลือก "Stop charging at 80%"
4. Xiaomi / POCO / Redmi
โดยส่วนใหญ่แล้ว MIUI ของ Xiaomi จะไม่มีฟีเจอร์ล็อคการชาร์จที่ 80% ให้ผู้ใช้ทั่วไปเปิด-ปิดได้โดยตรง แต่จะมีระบบป้องกันเบื้องหลังที่คล้ายๆ กัน คือการชาร์จอัจฉริยะ (Optimized Charging) ที่จะทำงานตอนกลางคืน
วิธีแก้ปัญหา: หากต้องการให้หยุดที่ 80% จริงๆ อาจต้องพึ่งพาแอปพลิเคชันจากภายนอก (ดูหัวข้อถัดไป)
5. สำหรับมือถือยี่ห้ออื่นๆ หรือรุ่นที่ไม่มีฟีเจอร์นี้
ไม่ต้องกังวล หากมือถือของคุณไม่มีฟีเจอร์นี้มาให้ เราสามารถใช้แอปพลิเคชันเสริมเพื่อช่วยแจ้งเตือนได้
หลักการทำงาน: แอปเหล่านี้ ไม่สามารถตัดไฟได้เอง แต่จะส่งเสียง "แจ้งเตือน" ดังๆ เมื่อแบตเตอรี่ชาร์จถึงระดับที่เราตั้งไว้ (เช่น 80%) เพื่อให้เราเดินไปถอดสายชาร์จด้วยตัวเอง
แอปที่แนะนำ (หาได้ใน Google Play Store)
- AccuBattery: เป็นแอปยอดนิยมที่ให้ข้อมูลสุขภาพแบตเตอรี่ได้ละเอียด และมีฟังก์ชันตั้งค่าการแจ้งเตือนเมื่อชาร์จถึงระดับที่ต้องการ
- Battery Alarm: แอปที่ทำงานตรงไปตรงมา คือส่งเสียงเตือนเมื่อแบตเต็มหรือถึง % ที่ตั้งไว้
- MacroDroid สามารถสร้างเงื่อนไขอัตโนมัติได้ เช่น "ถ้าแบตเตอรี่ > 80% และกำลังชาร์จอยู่ ให้เล่นเสียงแจ้งเตือน"
ดังนั้น! การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมาชาร์จมือถือแค่ 80% อาจดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่แท้จริงแล้วคือการลงทุนที่ชาญฉลาดเพื่อยืดอายุการใช้งานให้กับแกดเจ็ตราคาแพงของคุณ มันคือการเปลี่ยน "นิสัย" เล็กๆ เพื่อผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ในระยะยาว ช่วยให้คุณใช้งานสมาร์ทโฟนสุดรักได้อย่างเต็มประสิทธิภาพไปอีกนานโดยไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเสื่อมก่อนเวลาอันควร
สนับสนุนเนื้อหา:
ไอทีจีเนียส เอ็นจิเนียริ่ง (IT Genius Engineering) ให้บริการด้านไอทีครบวงจร ทั้งงานด้านการอบรม (Training) สัมมนา รับงานเขียนโปรแกรม เว็บไซต์ แอพพลิเคชั่น งานออกแบบกราฟิก และงานด้าน E-Marketing ที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน ทั้ง SEO , PPC , และ Social media marketting
ติดต่อเราเพื่อสอบถามผลิตภัณฑ์ ขอราคา หรือปรึกษาเรื่องไอที ได้เลยค่ะ
Line : @itgenius (มี @ ด้านหน้า) หรือ https://lin.ee/xoFlBFeFacebook : https://www.facebook.com/itgeniusonline
Tel : 02-570-8449 มือถือ 088-807-9770 และ 092-841-7931
Email : contact@itgenius.co.th
แนะนำหลักสูตรอบรมที่น่าสนใจ
Basic Android Programming
หลักสูตรนี้เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่จะทำการพัฒนาโปรแกรมบน Android แม้ว่าจะไม่เคยเขียนโป...
Advanced Android Programming
คอร์สนี้จะเน้นการทำ Android Programming ที่ Advance และเจาะจงมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะ...
Basic iOS Development
หลักสูตร IOS Development เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่จะทำการพัฒนาโปรแกรมบนระบบมือถือ iPhon...
Advanced iOS Development
หลักสูตรนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีพื้นฐานการพัฒนาโปรแกรมบน iOS แล้วต้องการศึกษา เพิ่มเติมใน...
พัฒนา Cross-Platform Mobile สำหรับ iOS และ Android ด้วย Phonegap/Cordova
การพัฒนาเว็บ Application ในยุคปัจจุบันนั้นมีแนวทางและรูปแบบที่หลากหลายขึ้น หนึ่งในนั้นค...
Developing Android and iOS Apps with C# using Xamarin
Xamarin คือ Framework ในการพัฒนาโปรแกรมบน Smart Phone สำหรับ Android, IOS และ Windows P...
คำค้นหา : การชาร์จแบตแบตมือถือเหตุผลการชาร์จแบตแบต 80การตั้งค่าการชาร์จเหตุในการชาร์จแบตแบตไม่เต็มแบต 100การรักษาแบตมือถือการตั้งค่าชาร์จแบตข่าวมือถือข่าวอุปกรณ์มือถือชาร์จมือถือชาร์จแบตมือถือ 80ชาร์จไฟ 80 wมือถือการชาร์จไฟวิธีถนอมมือถือscoop-howtoสกู๊ปมือถือสกู๊ปแอปพลิเคชัน